8 ที่เที่ยวญี่ปุ่น

8 ที่เที่ยวญี่ปุ่น

8 ที่เที่ยวญี่ปุ่น ญี่ปุ่นถือเป็นจุดหมายปลายทางของคนไทยหลายๆ คนที่อยากสัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวต่างประเทศเป็นครั้งแรก เพราะการเดินทางไปญี่ปุ่นนั้นไม่ไกลมากใช้เวลานั่งเครื่องบินเพียงประมาณ 6 ชั่วโมงเท่านั้น นอกจากนี้ความสวยงามและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของเมือง อาหารอร่อย และสถานที่ท่องเที่ยวที่ครบถ้วนทั้งด้านธรรมชาติและประวัติศาสตร์ก็มีให้ครบจบในที่เดียว

ญี่ปุ่นจึงเป็นประเทศที่คุ้มค่าแก่การมาเยือนในช่วงวันหยุดยาว อย่างไรก็ตาม การเดินทางไปญี่ปุ่นอาจต้องวางแผนสักหน่อยว่าจะไปที่ไหนและควรไปที่ไหน วันนี้จึงได้รวบรวม ‘สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังในญี่ปุ่น’ มาให้ทุกคนได้อ่านกันในบทความนี้

8 ที่เที่ยวญี่ปุ่น 1. ป่าไผ่ (Arashiyama Bamboo Grove) – เกียวโต

8 ที่เที่ยวญี่ปุ่น ป่าไผ่ที่นี่ขึ้นชื่อในเรื่องความสวยงาม เพราะต้นไผ่เปลี่ยนสีตามฤดูกาล เช่นถ้าไปช่วงต้นปีจะเป็นช่วงที่ดอกซากุระบานสวยงาม ทำให้เราเห็นทั้งต้นไผ่และดอกซากุระไปพร้อมๆ กัน แต่หากไปในช่วงปลายปีหรือประมาณเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคม ใบไผ่จะเริ่มเปลี่ยนสีเมื่อเข้าสู่ช่วงใบไม้ร่วง ดังนั้นช่วงสิ้นปีจึงเป็นช่วงไฮซีซั่นของที่นี่นักท่องเที่ยวจำนวนมากเข้ามา ภายในยังมีของฝากน่ารักๆให้ทุกคนนำกลับบ้านอีกด้วย แต่ถ้าจะให้แนะนำให้ไปช่วงเช้า เพราะอากาศยังไม่ร้อนมากนักและค่อนข้างสวยงามโดยเฉพาะแสงแดดที่ส่องกระทบต้นไผ่ทั่วบริเวณ

2. หมู่บ้านประวัติศาสตร์แห่งชิระงะวะโงและโกะกะยะมะ – กิฟุ

ถ้าพลาดมาที่นี่ต้องบอกว่าผิดหวังมาก เนื่องจากหมู่บ้านประวัติศาสตร์ชิราคาวาโกะและโกคายามะได้รับเลือกให้เป็นมรดกโลก มีความโดดเด่นทั้งในด้านอาคารและวัฒนธรรมที่สวยงาม หมู่บ้านตั้งอยู่กลางหุบเขาธรรมชาติ บ้านแต่ละหลังมีหลังคาที่ทำมุม 60 องศา คล้ายเอามือประสานกัน เหตุผลที่สร้างบ้านด้วยวิธีนี้ก็เพราะบริเวณนั้นหนาวมาก ฤดูหนาวแบบที่หิมะกองขึ้นไปบนภูเขา ดังนั้นการสร้างหลังคาแบบนี้จะช่วยให้หิมะเคลียร์ได้ง่าย สถาปัตยกรรมมีความสวยงามและพื้นที่มีหญ้าเขียวขจีผสมผสานกับวิวภูเขาทำให้หมู่บ้านแห่งนี้สวยงามราวกับสวรรค์

3. ศาลเจ้าฟุชิมิอินาริ (Fushimi Inari Taisha) – เกียวโต

ศาลเจ้าฟุชิมิอินาริถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชั้นนำของญี่ปุ่น จุดเด่นของที่นี่คือด้านหลังศาลเจ้ามีเสาสีแดงตั้งเรียงรายกว่าหมื่นต้น เป็นทางเดินไปสู่ภูเขาอินาริซึ่งมีทิวทัศน์สวยงามให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูป เชื่อกันว่าภายในศาลเจ้ามีเทพเจ้าชื่ออินาริคอยช่วยเหลือมนุษย์ในเรื่องการค้า อำนาจ ความเจ็บป่วย การสอบ และพืชผลทางการเกษตรอีกด้วย หากใครอยากเห็นศาลเจ้าสวยๆ บรรยากาศดีๆ แนะนำให้มาที่ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ

4. ปราสาทโอซากะ (Osaka Castle) – โอซากะ

ปราสาทโอซาก้ามีประวัติศาสตร์ย้อนหลังไปหลายร้อยปี ถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญอย่างหนึ่งของญี่ปุ่น ปราสาทแห่งนี้ได้รับการพัฒนาและปรับปรุงให้เป็นพิพิธภัณฑ์เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ชมประวัติศาสตร์ในอดีต พื้นที่ด้านในมีทั้งหมด 8 ชั้น จัดแสดงวัตถุทางประวัติศาสตร์ เช่น อาวุธสงคราม เรื่องราว และข้อมูลเกี่ยวกับปราสาทแห่งนี้ รวมถึงหุ่นจำลองที่เหมือนจริงเหมือนได้เข้าไปอยู่ในงานจริงๆ ว่ากันว่าเป็น 8 ชั้นที่สนุกสนาน เพลิดเพลิน และได้ความรู้ไปพร้อมๆ กัน นอกจากนี้บริเวณปราสาทยังมีดอกซากุระให้คุณได้ชมแบบเต็มตาอีกด้วย ถ้าไปช่วงเดือนเมษายนจะเป็นช่วงเวลาที่ดีมากเพราะดอกไม้จะบานสะพรั่งเต็มต้น

5. ตลาดคุโรมง (Kuromon Ichiba Market) – โอซากะ

ตลาดคุโรมงตั้งอยู่ในเมืองโอซาก้า ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดและมีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองในญี่ปุ่น จุดเด่นของที่นี่คืออาหารทะเลสดมาก!! หากใครชอบกินปลาหมึก ปลา ปู หรืออาหารทะเลอื่นๆต้องมาที่นี่ แต่ละร้านจะเตรียมอาหารทะเลให้เราทั้งล้างและหั่นเป็นซาชิมิ รับรองไม่มีผิดหวังครับ. แต่ถ้าใครแพ้หรือไม่ชอบอาหารทะเลก็มาได้ เพราะข้างในมีเนื้อวากิวเกรด A ราคาถูกและของหวานให้เลือกด้วย ถ้ามีโอกาสมาโอซาก้าก็ไม่อยากให้ใครพลาดมาที่นี่

6. ฟาร์มโทมิตะ (Farm Tomita) – ฮอกไกโด

ใครที่ชอบถ่ายรูปหรือชอบดอกไม้สวยๆ ‘ฟาร์มโทมิตะ’ ถือเป็นตัวเลือกที่คนชื่นชอบแน่นอน เพราะฟาร์มแห่งนี้มีสวนที่ตกแต่งอย่างสวยงาม เป็นทุ่งลาเวนเดอร์ที่มีสีสลับกันเป็นแถวตระการตามาก แต่ถ้าดังก็ต้องเป็นดอกลาเวนเดอร์สีม่วงซึ่งหาชมได้ยาก สิ่งสำคัญคือกลิ่นหอมฟุ้งและสร้างบรรยากาศที่ดีที่สุด หากใครอยากมาถ่ายรูปดอกลาเวนเดอร์แนะนำให้มาช่วงเดือนกรกฎาคมครับ เพราะดอกไม้จะบานพร้อมกันทั่วทั้งฟาร์ม รับรองว่าเข้าไปแล้วทำให้หัวใจสดชื่นแน่นอน

7. วัดคิโยมิซุ (Kiyomizu-dera Temple) – เกียวโต

วัดคิโยมิสึไม่ได้เป็นเพียงสถาปัตยกรรมเท่านั้น แต่วัดแห่งนี้ยังได้รับการคัดเลือกจากองค์กรระดับโลกอย่าง UNESCO ให้กลายเป็นมรดกโลกอีกด้วย วัดนี้ตั้งอยู่บนเนินเขามีน้ำไหลผ่านได้ น้ำจะสะอาดใสราวกับกรองมากกว่า 500 ครั้ง เพราะเป็นน้ำรวม 3 น้ำใสบริสุทธิ์จนกลายเป็นน้ำตกชื่อดัง มันถูกเรียกว่า ‘น้ำตกโอโตวะ’ ความใสของน้ำจึงได้ชื่อวัดว่า “วัดน้ำใส” นอกจากนี้ภายในวัดยังมีดอกซากุระสีแดงและทิวทัศน์ของเมืองเกียวโตให้ชมอย่างเต็มอิ่ม

8. ปราสาทฮิเมะจิ (Himeji Castle) – เฮียวโงะ

การเดินทางไปปราสาทฮิเมจินั้นไม่ใช่เรื่องยาก ใช้เวลาไม่นานในการนั่งรถไฟหรือรถบัส ปราสาทแห่งนี้มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 600 ปี หากใครสนใจประวัติศาสตร์ต้องมาที่นี่อย่างน้อยหนึ่งครั้ง เพราะที่นี่เป็นมรดกโลกและเป็นมรดกที่สำคัญของญี่ปุ่น เจ้าหน้าที่อนุญาตให้เข้าทุกชั้นของปราสาทได้ มีทั้งหมด 7 ชั้น ชั้นบนสุดทำให้เรามองเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามและมีศาลเจ้าให้เราได้สักการะ มีสวนและคูน้ำในบริเวณให้เราได้พายเรือเล่นด้วย

บทความแนะนำ

ที่เที่ยวบึงกาฬ

6 ที่เที่ยวดังในเกาหลี